สิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยกับธุรกิจ ก็คือป้าย ซึ่งจะบ่งบอกว่า คุณเป็นใคร ร้านอะไร บริษัทอะไร
และคุณมาทำธุรกิจอะไรอยู่ตรงนี้ ขั้นต่อไปก็คือ เลือกร้านทำป้ายที่คุณถูกใจ และเตรียมข้อมูลเหล่านี้มาด้วย...แต่ถ้ามีข้อมูลบางส่วน หรือไม่เตรียมข้อมูลอะไรมาเลยก็ไม่เป็นไรนะคะ
ที่อยากจะบอกก็คือ ถ้าคุณลูกค้าให้ข้อมูลได้ครบถ้วน จะเป็นประโยชน์
กับทั้งเราและตัวลูกค้าเองด้วยค่ะ คือได้งานเร็วและแบบถูกต้องครบถ้วนค่ะ
เวลาลูกค้ามาทำป้าย เราจะยิงคำถามประมาณนี้
1. จะทำป้ายอะไรคะ?
ถ้าคุณลูกค้ายังไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไร- บอกตำแหน่งติด
บอกถึงตำแหน่งที่จะติดป้ายก็ได้ค่ะ เช่น จะทำป้ายชื่อร้านติดบนกันสาดหน้าร้าน/
จะทำป้ายชื่อบริษัทติดบนตัวอาคาร... เป็นต้น
- บอกชื่อวัสดุ
กรณีที่คุณลูกค้า พอจะทราบเรื่องวัสดุงานป้าย บอกชื่อวัสดุเลยก็ชัดเจนดีค่ะ
เช่น อยากทำป้ายไวนิล / อยากทำป้ายกล่องไฟ / อยากได้สติกเกอร์ติดกระจกหน้าร้าน ...
2.ใช้ภายในหรือภายนอก?
แน่นอนว่าวัสดุที่ใช้ในงานภายใน และภายนอกต่างกัน อย่างภายนอก เบสิคเลยคือต้องทนแดดทนฝน กี่ปีๆ ก็ว่ากันไปตามวัสดุที่สนใจได้เลยค่ะ
3. ขนาดเท่าไหร่?
ส่วนใหญ่ลูกค้าจะไม่ค่อยมีขนาดมาให้นัก แต่บางคนจะฟิกซ์มาเลยว่า เอาป้ายไซร์ 1x2 m ค่ะอันนี้จะได้งานเร็วเพราะมีขนาดที่ชัดเจน หรือบางคนก็จะมากะไซร์เอาเองที่ร้าน ซึ่งกรณีนี้ถ้าพื้นที่ติดกว้างมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามันฟิตหรือเล็กกว่าไซร์ป้ายที่จะเอาไปติด คงเกิดปัญหาแน่ๆ ต้องเสียเงินเพื่อทำใหม่อีกรอบ อันนี้อยากแนะนำให้คุณลูกค้าซื้อตลับเมตรดีกว่า ร้านทุกอย่าง 20 หรือ ไดโซะก็มีขายค่ะ หรือถ้าอยู่ไม่ไกลจากร้านป้ายมากนักส่วนใหญ่ คุณลูกค้าสามารถบอกให้ทางร้านป้ายไปวัดที่หน้างานให้ได้ค่ะ
4. มีแบบอยู่แล้วหรือยัง?
ถ้าคุณพอจะใช้โปรแกรมออกแบบเป็น ก็ทำแบบมาเองเลยก็ได้ค่ะ เพราะถ้ายังไม่มีแบบ
ทางร้านป้ายอาจจะคิดค่าออกแบบด้วย ราคาก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานนั้นๆ
โปรแกรมที่ใช้ทำแบบงานป้าย เช่น Illustrator / Photoshop / Corel Draw
5. ป้ายต้องเสร็จภายในวันที่เท่าไหร่? ใช้งานวันไหน?
ระบุวันรับงานให้แน่ชัดค่ะ ขอแนะนำว่าให้เผื่อระยะปลอดภัยไว้ซัก 2 วัน เช่น ใช้งานวันที่10ให้คุณลูกค้าบอกร้านป้ายไปว่าจะมารับงานวันที่ 8 //กันไว้ดีกว่าแก้ เราเองก็มีส่งงาน
ลูกค้าช้าบ้างเหมือนกัน บ่อยด้วย แหะๆ
6. งบประมาณที่มี
อันนี้ถ้าคุณลูกค้ามีงบในใจไว้เท่านี้ๆ บอกร้านป้ายไปเลยค่ะ แล้วทางร้านจะบอกคุณเองว่าพอจะเป็นไปได้ไหม หรือถ้าเกินงบไปเยอะลองให้ทางร้านป้ายแนะนำวัสดุที่เหมาะสม
กับร้านของคุณและงบประมาณที่มีดีกว่าค่ะ ลองปรับลดเสปค ลดขนาดดู น่าจะพอช่วย
ได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ขอให้งานออกมาสวยเด่นกว่าใคร ลองให้ทางร้าน
เสนอราคาและวัสดุมาให้คุณตัดสินใจเองก็ได้ค่ะ
7. มัดจำค่าทำป้าย
อันนี้อย่าลืมนะ สำคัญมากเลยค่ะ 555 ส่วนใหญ่ทางร้านป้ายจะให้มัดจำ 50%หรือจะจ่ายครบอันนี้แล้วแต่สะดวกค่ะ ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น